Friday, May 7, 2010

งานเรือนั้นหนักจริงหรือ//////?????ต่ออีกที

หวัดดีครับต่อกันอีกวัน วันนี้ยังงัยก็ต้องเอาให้จบ จะได้รู้กันเสียทีว่างานเรือนี่มันหนักขนาดไหนและหนักอย่างไร เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาน้าว่าเรามาต่อกันเลยดีกว่า
*****งานเรือนั้นไม่มีความยุติธรรมมีแต่ความลำเอียง อยากรู้จริงๆเลยว่าคนที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาไปอยู่ที่ไหนมา น้าว่าพวกเราทุกคนที่มีโอกาสเข้ามาอ่านบล็อคของน้านี่น่าจะอายุเกิน 21 ปีกันแล้วแน่นอน เพราะคนส่วนใหญ่หางานเรือนี่จะต้องอายุประมาณนี้ขึ้นไปทั้งนั้น น้าอยากให้ลองมองย้อนมาใกล้ๆตัวหน่อยซิครับว่า มันมีที่ตรงไหนบ้างที่คุณเคย เคยผ่านหรือเคยทำงานมา มันมีแต่ความยุติธรรมปราศจากความลำเอียง อย่าให้น้าพูดแรงกว่านี้เลยนะครับ ขนาดศาลที่ว่าน่าจะเป็นที่ที่มีความยุติธรรมมากที่สุดบางครั้งบางสถาณการณ์ คนผิดกลับเป็นคนถูกซะงั้น คนดีก็กลับต้องไปนอนในตะรางมาก็นักต่อนัก แต่พอตัวเองทำงานมาซักระยะนึงแล้วไม่ได้ปรับตำแหน่ง " แม่งโครตลำเอียงเลยให้แต่เด็กมันได้" ครับอันนี้เรื่องจริงครับ น้ายอมรับว่ามันมีจริงครับ แต่ถ้ามามองในแง่ความเป็นจริง ก็ในเมื่อไอ้นี่มันเป็นคนของไอ้นั่น แล้วมันมีเหตุผลอะไรล่ะที่จะไม่ให้ไอ้นั่นมันไปช่วยไอ้นี่ ก็ในเมื่อไอ้ที่ว่านี้ก็ไม่ได้มีอะไรดีหรือแตกต่างจากไอ้นี่เลย เข้าใจกันมั๋ยครับ มาน้าจะขอเล่าเรื่องราวของน้าเองเลยก็แล้วกันนะครับ
*****ก่อนอื่นเลยน้าอยากจะให้ทุกคนฟังแบบเปิดใจนะนี่ไม่ได้เป็นการยกย่องหรือว่าดูถูกใคร แต่น้าถือว่าน้าเอาประสบการณ์จริงของตัวน้ามาเล่าให้ฟังก็แล้วกันครับ
      น้าทำงานเรือมาปีนี้ก็ 10 ปีพอดีครับ เริ่มจาก JBS. หรือว่าพนักงานเสริฟเครื่องดื่มนั่นเอง น้าอยู่ในตำแหน่งนี้มา 2 ปีครึ่ง แต่ในระหว่างนี้ น้าก็ได้รับการเสนอชื่องให้เป็น BARTENDER อยู่ 2-3 ครั้ง แต่ว่าก็มีเด็กเส้นคนอื่นมันตัดหน้าไปตลอดเวลา น้ารู้ว่านั้นคือแพ้เด็กเส้นของพวกเขาน้าเลยไม่ได้ปรับตำแหน่งในตอนนั้น ถ้าน้าคิดว่านั้นคือการลำเอียงไม่มีความยุติธรรมหลงเหลือแล้ว ทำไปให้ตายยังงัยก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก แล้วน้าก็ไม่คิดจะทำอะไรมากมาย อยู่ไปวันๆทำงานไปงั้นๆ ถ้าน้าคิดยังงี้เมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว วันนี้พวกน้องๆ ก็คงไม่ได้มาอ่านบล็อคของน้าในวันนี้หรอกครับ มาดูกันว่าน้าคิดยังงัย
     หลังจากที่น้าพลาดการปรับตำแหน่งตั้ง 2-3 ครั้ง สิ่งเดียวที่น้าคิดก็คือว่าเรายังทำไม่ดีพอ น้าต้องทำให้ได้ดีกว่านี้ น้าเคยทำยังงัย น้าทำเพิ่มขึ้นกว่าเดิม น้าเคยช่วยใครยังงัย น้าก็ยังช่วยเขาเหมือนเดิม น้าพยายามฝึกภาษาให้เก่งขึ้น น้าอ่านหนังสืออ่านตำรา จำสูตรได้มากกว่า bartender ในตอนนั้นเสียอีก และทุกครั้งที่มีการทดสอบความรู้ของแผนกน้าก็ทำคะแนนได้ 1ใน 5 มาตลอด จนกระทั้งวันนึงก็มีคนเดินเข้ามาบอกน้าเองเลยว่า น้าได้ปรับตำแหน่งเป็น bartender ในกลาง contract ที่ 3 ในขณะเดียวกันก็มีเพื่อนรุ่นน้าอีกหลายๆคนเขาก็ยังไม่ได้ปรับตำแหน่งซักที เพราะเขาเชื่อว่าทำไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา น้าคิดค่อนข้างจะง่ายมากเลยนะ ก็ในเมื่อคุณรู้อยู่แล้วว่าคู่แข่งคือเด็กเส้นที่มีโอกาสได้ปรับตำแหน่งสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คุณจะมาชนะเขาด้วยการไม่ทำอะไรให้ดีกว่าเขาเลยมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เรื่องนี้ก็คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับน้าจากตำแหน่ง JBS สู่ BARTENDER ในปี 2000-2003
     มาดูต่ออีกเรื่องนึงน้าก็ทำงานในตำแหน่งนี้ BARTENDER จาก 2003-2007 เป็นเวลาประมาณ 4 ปีกว่าๆ ในช่วงเวลานี้ก็อีกนะแหละน้าได้รับการเสนอชื่อ[ อีกแล้ว ] ให้ปรับตำแหน่งไปเป็น BAR SUPERVISOR ก็อีกนะแหละครับ ผมก็โดนตัดหน้าถึงสองครั้ง โดยเด็กของนายแบบหน้าด้านๆ เลยครับ แต่สิ่งที่ผมคิดในตอนนั้นผมกลับคิดว่าเรายังทำไม่ดีพอ เราต้องทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม แทนที่ผมจะเสียอกเสียใจที่ไม่ได้ปรับตำแหน่ง ผมกลับทำงานมากขึ้นกว่าเดิม สอนงานลูกน้องในทีมงานมากกว่าเดิม ช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานขึ้นมากกว่าเดิม และก็รับผิดชอบและดูแลบาร์ที่ผมรับผิดชอบให้ดีที่สุด แล้ววันนึงก็มีคนเดินมาบอกผมอีกว่า เราเลือกคุณแล้ว เราจะให้คุณเป็น BAR SUPERVISOR คนแรกของคนไทย
     เห็นหรือยังครับว่ามันเป็นอย่างไรผมว่ามันอยู่ที่วิธีคิดแค่นั้นเองครับ หลังจากวันนันน้าก็ทำงานในตำแหน่งนี่ ตำแหน่งที่หลายๆคนอิจฉา มาเป็นปีที่สามแล้ว ปีแรกที่น้าได้ตำแหน่งนี้มาบอกตรงๆเลยว่า หลายๆคนคิดว่าน้าจะเป็นตัวถ่วงพวกเขา ไม่รู้ว่าจะทำงานได้จริงหรือเปล่า จะคุมลูกน้องอยู่ไหม จะจัดการบาร์ตั้ง 3-4 บาร์ได้หรือ แต่หลังจากผ่านไปได้แค่ 3 เดือนน้าก็ทำให้ทุกคนได้เห็นว่าน้าทำงานอย่างไร จนกระทั้งคนหลายๆคนที่เคยพูดไม่ดีไว้ในตอนแรก เขามาจับมือยินดีกับน้าและบอกว่าเขาขอโทษที่เขามองน้าผิดไป เอาล่ะคิดว่าคงจะพอมองเห็นภาพกันบ้างแล้วนะ "ความยุติธรรมน่ะมันไม่มีอยู่ในโลกนี้มาตั้งนานแสนนานแล้วครับ แต่คำพูดที่ว่าทำดีย่อมได้ดีอันนี้ยังมีอยู่จริงครับ"

No comments:

Post a Comment