Sunday, November 22, 2009

ความเป็นอยู่ของลูกเรือ



สวัสดีครับทุกๆคนไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง ใครที่คิดที่เตรียมตัวจะไปทำงานบนเรือกันน่ะ ตอนนี้เตรียมตัวกันไปถึงไหนแล้วครับ ก็มีบทความหลายๆ เรื่องแล้วนะครับที่ผมได้ทำการบอกกล่าวเล่าเรื่องไปต่างๆ นาๆ ครับ แต่ว่ายังงัยซะมันก็ยังไม่หมดหรอกครับ แต่ก็จะทยอยบอกกล่าวเล่าเรื่องกันต่อไป ยังงัยซะก็ติดตามอ่านต่อไปก็แล้วกันนะครับ
     ภาพที่เรามองดูเรือจากด้านนอกเราแทบจะไม่เห็นอะไรมากมายเลยนอกจากตัวเรือ และรูปทรงด้านนอก แต่ทว่าภายในเรือนั้นกลับมีชีวิตชีวามากกว่าที่เราคิดครับ ก็ลองนึกดูเอาก็แล้วกันครับว่า เรือลำหนึ่งจะขอพูดถึงเรือระดับ grand class จะประกอบไปด้วย passenger ประมาณ 3100 คน และ crew members ประมาณ 1200 คน อัตราส่วนของ passenger ต่อ crew members จะอยู่ที่ crew  1 คน ต่อ passenger 2.5 คนครับ แต่ก็มีบางบริษัทที่ใช้การบริการระดับ 5 ดาว คือการที่มีจำนวน passenger และ crew members เท่ากัน คือว่า 1 ต่อ 1 ว่างั้นเถอะ
     คนตั้ง 4000 กว่าคนอยู่รวมกันในพื้นที่ที่ค่อนข้างจะจำกัด โดยเฉพาะที่นอนของพวกเราที่กำลังจะพูดถึง ยิ่งแคบไปใหญ่ ก็เหมือนกับเมืองๆ หนึ่งเลยนะครับ ในส่วนของ passenger นั้นคงไม่ค่อยจะมีปัญหากันซักเท่าไหร่ เพราะว่าเขามาเพื่อพักผ่อน และมาเพื่อซื้อการบริการที่ดี แค่สองสิ่งนี้ passenger ของเราก็มีความสุขแล้วครับ เพราะที่เหลือก็จะเป็นหน้าที่ของทีม entertain และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ทางเรือได้จัดเตรียมไว้ให้กับบรรดา passenger เหล่านี้ และในเมื่อ passenger ไม่น่าจะมีปัญหาแล้ว แล้วพวกลูกเรืออย่างเราล่ะจะมีใครคอยสนใจหรือห่วงใยเราบ้างหรือเปล่าเนี่ย
     เอาล่ะครับอย่าพึ่งน้อยใจไปนะครับ ในความรู้สึกของใครหลายๆ คนจะคิดอย่างไรกับสิ่งที่ทางบริษั[เรือ]ได้ดูแลลูกเรือก็ช่าง [ไม่ว่าประสบการณ์ที่ดีหรือประสบการณ์ที่ไม่ดีก็ขอให้ฟังหูไว้หูนะครับ] แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นก็เป็นเช่นนี้ครับ
      เรื่องที่หลับที่นอน หรือเราเรียกว่า CABIN สำหรับพนักงานที่พึ่งเข้ามาทำงานใหม่หรือพนักงานที่อยู่มา 5ปีแล้วแต่ยังไม่ได้โปรโมทเสียที ก็จะอยู่ใน CABIN ที่เป็นแบบแชร์ห้องน้ำกับอีกห้อง ก็คือว่าห้องที่คุณอยู่ 2 คน เตียงบน เตียงล่าง และก็จะมีห้องน้ำอยู่ตรงกลาง เปิดได้ทั้งสองด้าน ก็คือว่า 4 คนใช้ห้องน้ำรวมกัน ลองนึกดูว่าถ้าบังเอิญ ต้องทำงานเวลาเดียวกันหมด ก็คงต้องจัดเวรกันหน่อยล่ะ ในห้องก็จะมีตู้ใส่เสื้อผ้าให้คนละตู้ มีโต๊ะไว้เขียนหนังสือพร้อมลิ้นชักไว้เก็บของมีค่า [มีที่ล็อค] โต๊ะเขียนหนังสือที่ว่าส่วนใหญ่จะเป็นที่วางของซะมากกว่า และก็มีอ่างล้างหน้า พร้อมที่เก็บของใช้ส่วนตัวอีกคนละช่อง พร้อมที่ซ่อนของด้านล่างอ่างล้างหน้า หันมาทางด้านเตียงนอนก็จะมีเป็นเตียงล่างและเตียงบน โดยกฎและกติกาที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยไหนแล้วก็ไม่รู้ ผู้ที่อยู่ก่อนจะได้นอนเตียงล่าง ส่วนใครที่มาใหม่ก็จะได้อยู่เตียงบน [คำว่ามาใหม่ในที่นี้ก็คือว่าลงเรือ ต่อให้คุณอยู่มาแล้ว 10ปี ถ้าคุณลงเรือวันนี้คุณก็ต้องกระโดดขึ้นไปอยู่ข้างบนครับ] ขนาดของห้องโดยประมาณน่าจะอยู่ที่ 2.4x2 เมตร ครับ แต่ไม่ว่าจะเล็กยังงัยก็ช่าง บางวันเคยจัดปาร์ตี้กันคนเป็นสิบยังอยู่กันได้แบบคับแคบน่าดู

นี่เป็น cabin ของผมเองก็เลยดูใหญ่นิดนึง มีพื้นที่ด้านหน้าประตูหน่อยนึง มีชั้นวางของเพิ่มขึ้นและห้องกวางขึ้น มีตู้เย็นให้เรียบร้อย และก็ห้องน้ำในตัวใช้กันแค่สองคนกับ room mate.
     เรื่องอาหารการกิน และที่ที่พวกเราจะไปทานอาหารกันในแต่ละวันนั้นเรียกว่า CREW MESS ได้เขียนอธิบายไว้แล้วใน คำศัพท์งานเรือ ไปอ่านเพิ่มเติมเอาก็แล้วกัน เพียงแค่อยากบอกว่า อาหารที่ทางเรือได้เตรียมไว้ให้นั้นส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่ จะด้วยเหตุผลอันใดก็มิอาจทราบได้ว่าทำไมมันถึงไม่ยอมปรับปรุงหรือว่ามันปรับปรุงไม่ได้ อาหารนะดีครับ ของดีๆทั้งนั้นครับที่เอามาให้พวกเรากินกันน่ะ แต่ว่ากรรมวิธีในการทำอาหารของเขาไม่ได้ทำให้อาหารมีรสชาดหรือน่ากินเลยครับ มีอยู่ชาติเดียวที่กินอาหารได้อย่างน่าอร่อยมากก็คือไอ้ผิน[ชาวฟิลิปินส์] เดี๋ยวถ้าเห็นมันตักขาวแล้วคุณจะนึกถึงคำพูดคำนี้
     เรื่องการรักษาพยาบาล อันนี้ก็ไม่ต้องห่วงถ้าใครที่คิดว่าตัวเองมีปัญหาเรื่องสุขภาพ แต่บังเอิญว่ารอดพ้นจากการตรวจของโรงพยาบาลกรุงธนไปได้ ไปอยู่เรือแค่เดี๋ยวเดียวแค่นั้นแหละอาการมันก็จะแสดงผลทันที แต่ไม่ต้องตกใจนะครับ บนเรือเขาจะดูแลและก็ทำทุกวิถีทางที่จะทำให้คุณหาย ถ้าเขารักษาไม่ได้เขาก็จะส่งตัวเราไปรักษาที่โรงพยาบาลข้างนอก แต่อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยครับ เอาเป็นว่าเรื่องประกันสุขภาพนั้นสบายใจได้ครับไม่ต้องเป็นห่วง มีกรณีตัวอย่างเรื่องนึงจะเล่าให้ฟังแต่ไม่ต้องไปทำตามนะครับ และก็จะไม่ขอเอ่ยชื่อของบุคคลในเรื่อง แต่ถ้าบังเอิญว่าเจ้าของเรื่องได้รับรู้หรืออ่านเจอบทความนี้ ติดต่อมาด่วน เพราะไม่ได้เจอมานานแล้ว เรื่องมีอยู่ว่าเขาผู้นี้ไปดื่มเหล้าที่ข้างนอกแล้วเมาจัดจนทำให้ล้มหัวฟาดพื้นห้องน้ำประมาณนั้นแหละและต้องส่งตัวไปรับการรักษาโดยด่วนที่โรงพยาบาล และหลังจากนั้นก็ต้องส่งตัวให้เขาผู้นั้นกลับมารักษาตัวที่บ้าน พร้อมทั้งค่ารักษาพยาบาลที่ส่งตามมาให้มันได้ดื่มเหล้าต่อที่บ้าน รู้สึกว่าถ้ารวมๆ กันแล้วก็ประมาณว่าเลข 6หลักนี่แหละครับ เพราะที่จำได้ตอนที่เขาเล่าให้ฟังมันมีครั้งละ 1000กว่าเหรียญ 2 ครั้งและก็มีครั้งเล็กครั้งน้อยอีก อ่านแล้วอย่าคิดทำตามนะครับที่เล่าให้ฟังแค่อย่าจะบอกว่าเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยเขาดูแลอย่างถึงที่สุด สบายใจได้ครับ เดี๋ยวจะมาต่อเรื่องความปลอดภัยของผู้หญิง ที่เขาบอกมาว่ามันอันตราย มันไม่ปลอดภัย มีแต่ความเสี่ยงน่ะมันเป็นยังงัยแน่ เดี๋ยวมาบอกครับ


No comments:

Post a Comment