จากครั้งที่แล้วน้าก็ได้เล่าให้ฟังไปบ้างพอสมควรแล้ว ที่นี้เรามาเจาะลึกกันลงไปอีกนิดนึงครับ ขอต่ออีกนิดนึงจากบทที่แล้วว่าที่น้าประทับใจกับการได้ TIP ครั้งนี้มากก็เพราะว่าลูกค้าที่น้าดูแลนั้นเป็นชาว ENGLAND ซึ่งตามสถิติที่เคยมีการบันทึกและบอกกล่าวกันไว้นั้น คนชาตินี้จะไม่ค่อยให้ TIP โดยเฉพาะถ้าเขามาเจอระบบที่มี service charge หรือ gratuity แล้วลูกค้าพวกนี้จะไม่ค่อยให้ TIP เลยล่ะ แต่ว่าหลังจากที่น้าได้กระทำตามขั้นตอนที่น้าได้บอกกล่าวกันไปแล้วในบทที่แล้ว น้าก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายหรอก ก็ได้แต่คิดไว้ว่าก็ทำให้ขนาดนี้แล้วมันน่าจะเห็นบ้างล่ะ พอวันสุดท้ายของ cruise ลูกค้ากลุ่มนี้ก็พร้อมใจกันเดินมาหาน้าแต่ว่าวันนี้ไม่ได้มาดื่มเพราะว่าเขาได้จองโต๊ะสำหรับมื้อพิเศษไว้ แต่เขาแค่เดินมาขอบใจเราที่เราดูแลเขาด้วยดีมาตลอด 14 วัน พร้อมกับยื่นซองให้คู่ละซอง สรุปแล้วน้าก็ได้ซองจากลูกค้ากลุ่มนี้ 3 ซอง ยังไม่ได้คิดอะไรก็น่าจะเป็น 10 หรือ 20 $ นี่แหละเดี๋ยวค่อยดูก็ได้ แต่พอน้าแกะซองดูแค่นั้นแหละ แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองครับ น้าได้ซองละ 50 ปอด์น แค่กลุ่มนี้ก็ปาเข้าไป 150 ปอด์นแล้ว และน้าก็มีลูกค้าประจำอีกประมาณ 10 คู่ ที่มีการให้บ้างไม่ให้บ้างตามธรรมเนียม บทต่อไปจะบอกว่าทำไม จริงๆแล้ว 50 ปอด์นนี่มันก็ไม่ได้บอกว่าเยอะอะไรมากมายหรอกนะ มากกว่า 100 $ น้าก็เคยได้มาเยอะแล้ว แต่ที่ประทับใจก็คือว่าลูกค้าชาตินี้เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าจะไม่ค่อยให้ TIP แต่พอเราสามารถทำให้เขาให้ TIP เราได้นี่ มันเป็นความภูมิใจอย่างมากเลยล่ะ
ทีนี้มาต่อกันว่าจะต้องทำตัวยังงัยถึงจะได้ TIP จากลูกค้า ก่อนอื่นเลยต้องทำความรู้จักลูกค้าของตัวเองให้ดี ต้องหมั่นสังเกตุเขาตลอดเวลา รู้ที่จะถามเรื่องราวที่เขาสนใจ [บอกวิธีสังเกตุไปแล้ว ] รู้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบ เช่นลูกค้าสั่ง coke แต่ลืมบอกเราว่าไม่ใส่น้ำแข็ง พอเราเสริฟ coke ก็สังเกตว่าลูกค้าไม่เอาน้ำแข็ง พอครั้งต่อไปลูกค้าสั่ง coke อีกเราต้องรีบบอกไปเลยว่าไม่เอาน้ำแข็งใช่มั๋ยครับผมจำได้ว่าครั้งที่แล้วคุณก็ไม่เอาน้ำแข็ง ฟังดูแล้วอาจจะเป็นเรื่องเล็กมากสำหรับบางคนและนี่ก็ไม่น่าจะเป็นวิธีที่จะทำให้เราได้ TIP ขึ้นมาซักกะหน่อย แต่ว่ามันเป็นการเปิดใจและแสดงความใส่ใจในตัวของลูกค้าคนนั้นที่นี้เขาก็พร้อมที่จะรับฟังคุณแล้ว
ต้องพยายามรู้จักและจำชื่อของลูกค้าให้ได้ และพยายามเรียกชื่อของเขาให้ได้มากที่สุดแทบจะทุกครั้งที่มีการเอ่ยถึงเลยก็จะยิ่งเป็นการดี และโดยเฉพาะเวลาเจอเขาที่อื่นที่ไม่ใช่ในบาร์ ถ้าสามารถเรียกชื่อทักทายเขาได้นะ คุณได้คะแนนเพิ่มขึ้นมาอีกเยอะเลย และยิ่งถ้าเราไปเรียกชื่อเขาต่อหน้าคนอื่นหรือที่ ที่มีผู้คนพลุกพล่านแล้วล่ะก็เอาคะแนนไปอีกเพียบเลย และเขาก็จะมาเป็นหนึ่งในเป้าหมายของเราในทันที ทำมัยนะเหรอครับ เพราะว่ามนุษย์ทุกคนนะแหละ อยากได้รับการยอมรับจากคนอื่นกันทั้งนั้น ยิ่งมีใครมาเรียกชื่อเขาต่อหน้าที่ชุมชนนี่ เขาดูเหมือนบุคคลสำคัญที่ใครๆก็รู้จักไปเสียแล้ว ก็เหมือนคุณนะแหละกำลังเดินดูของอยู่ดีดี ก็มีเพื่อนรุ่นน้องเดินเข้ามายกมือไหว้กลางห้าง ต่อหน้าผู้คนเยอะแยะ ลองถามตัวคุณเองซิว่าตอนนั้นคุณจะรู้สึกยังงัย
จำรายละเอียดเกี่ยวกับลูกค้าให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าเรื่องที่เขาคุย ของที่เขาสั่ง ของที่เขาชอบ ของที่เขาไม่ชอบ ที่บอกว่าให้จำอะไรเยอะแยะขนาดนี้อย่าพึ่งท้อนะครับ ที่พูดนี่ไม่ใช่ลูกค้าแค่กลุ่มเดียวนะครับ น้องๆ ต้องหากลุ่มลูกค้าให้ได้อย่างน้อย 10กลุ่ม หรือคู่ ต่อ cruise เดี๋ยวจะบอกว่าทำไม น้องๆจะต้องจำทุกอย่างให้ได้มากที่สุด เริ่มตั้งแต่หน้าตาของลูกค้า ชื่อของลูกค้า หมายเลขบัญชีของลูกค้า เครื่องดื่มที่ลูกค้าสั่ง สิ่งที่ลูกค้าชอบ สิ่งที่ลูกค้าไม่ชอบ วันสำคัญของลูกค้าถ้ามี [เดี๋ยวจะบอกว่าทำยังงัย] ถามจริงๆว่าคิดว่าจะจำกันได้หมดมั๋ย ลูกค้า 10 กลุ่มนี่ก็อย่างน้อยก็น่าจะเกิน 35-50 คนนี่แหละ ถ้าคิดว่าเก่ง แน่ แม่น ก็จำไป แต่ว่าถ้าไม่มั่นใจว่าจะจำได้หมดน้ามีอะไรจะแนะนำ เขาเรียกว่ากระดาษกับปากกาที่เราใช้งานกันทั่วไปนี่แหละ แปลกมากเลยมันสามารถช่วยให้เราจำรายละเอียดลูกค้าได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ แต่ไม่ค่อยมีใครอยากจะใช้มันซะเท่าไหร่
หลังจากเจอลูกค้าวันแรกก็แค่เขาไปแนะนำตัวพอประมาณ สังเกตจากการพูดคุยก็พอจะรู้แล้วล่ะว่าเป็นอย่างไรบ้าง เราจะดึงมาเข้าบัญชีของเราหรือเปล่า หรือว่าปล่อยไปเหอะดูจากท่าทางแล้วไม่น่าจะโอ อันนี้เราก็ยังพอมีเวลาที่จะตัดสินใจอยู่ แต่ว่าถ้าเราคิดไว้แล้วว่าโอ สิ่งต่อมาที่สำคัญมากและน้าก็กล้าพูดเลยว่า 95 % เสร็จทุกราย ถ้าเราสามารถจำลูกค้ากลุ่มนี้หลังจากได้พูดคุยและแนะนำตัวกันแค่ครั้งเดียว และวันต่อไปเราเจอเขาและเราสามารถเรียกชื่อเขาได้อย่างแม่นยำ[ ก็แค่แอบดูในกระดาษก่อนแค่นั้นเอง] คุณเชื่อมั๋ยว่าลูกค้ากลุ่มนี้จะตกเป็นของคุณในทันที ยิ่งถ้าคุณตอกไปอีกดอกว่าจะรับเหมือนที่สั่งเมื่อวานเลยมั๋ยครับผมจะได้จัดให้เลย ผมให้คะแนนคุณไปลอยอยู่ที่ 97 % แล้ว ที่เหลือก็แค่ประคองและก็คอยตอกหมุดเพิ่มนิดหน่อยก็ไม่มีทางหลุดมือไปไหนแล้ว
ทีนี้หลังจากที่เรารู้รายละเอียดของลูกค้ามาซะเยอะขนาดนั้นแล้วที่นี่มันก็ถึงทีของลูกค้าบ้างแล้วนะที่เขาจะต้องจำชื่อคุณให้ได้ ถ้าเราเรียกชื่อเขาทุกครั้งเลย แต่ว่าเขาก็ยังไม่สามารถหรือว่าไม่อยากเรียกชื่อคุณ อันนี้คะแนนของคุณจะตกลงมาอยู่ที่ 75% ครับ ทำไมนะเหรอครับ ก็ถ้าเขาไม่เรียกชื่อคุณก็แสดงว่าเขายังไม่ได้เห็นความสำคัญของอะไรก็ช่างที่คุณได้ทำให้เขา เรื่องนี้ผมก็ได้ทำเป็นสถิติมาโดยตลอดคนที่เรียกชื่อเราได้นี่ ส่วนใหญ่ก็จะชอบเขียนชื่อเราที่ซองสีขาวตอนวันสุดท้ายด้วยเช่นกัน
ยังไม่หมดนะยังมีอีกเยอะเรื่องอย่างนี้มันสอนกันได้ไม่หมดหรอก แต่น้าก็จะพยายามดึงมันออกมาให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่ที่ตัวเราเองด้วยว่ามีความจริงใจแค่ไหน อย่าคิดว่าคนอื่นจะมองไม่ออกนะว่าทำด้วยความจริงใจกับทำเพราะว่าต้องทำมันต่างกันยังงัย วันนี้น้าจะทิ้งท้ายด้วยรูปสวยๆงามๆที่ดูยังงัยก็ไม่เคยเบื่อซักที
ก็เพราะไอ้สิ่งนี้นี่แหละที่ทำให้น้าต้องมาทำงานอยู่ตรงนี้ น้าว่าทุกคนนะแหละก็มาเพื่อเจ้าสิ่งนี้กันทั้งนั้นแหละ แต่ว่าที่เห็นทั้งหมดนี่ไม่ใช่เงินของน้าทั้งหมดหรอกนะ เพียงแต่ว่าน้าต้องนับเงินจ่ายให้ทีมงานทุก cruise ก็เป็นงานที่หนักเอาการพอสมควร ต้องมานั่งนับเงินเป็นล้านทุก cruise นี่ สำหรับลูกทึมทั้งหมดประมาณ 70 ชีวิตนะ น้าเองก็ได้แค่นิดหน่อยเอง 555555555555
No comments:
Post a Comment