Wednesday, November 25, 2009

ผู้หญิงทำงานบนเรือไม่ปลอดภัยจริงเหรอ

สวัสดีครับเคยได้ยินหลายคนเหมือนกันครับเอ่ยถามคำถามนี้กับหลายๆคน ทั้งที่เคยไปทำงานเรือหรืออาจจะยังไม่เคยไปทำงานบนเรือมาก่อน ว่าการเป็นอยู่ของผู้หญิงบนเรือเป็นอย่างไรบ้าง อันตรายหรือเปล่า มีสิทธิโดนข่มขืนหรือเปล่า โดนหัวหน้างานบังคับหรือแตะอั๋งหรือเปล่า และผมก็ได้ไปเจอบทความ บทความหนึ่งจากเว็บแห่งหนึ่งเกี่ยวกับการทำงานบนเรือของผู้หญิง ว่าต้องโดนหัวหน้างานบังคับ และล่วงละเมิด และบ้างครั้งอาจถึงขั้นโดนข่มขืนก็มี ครับอ่านแล้วก็ต้องยอมรับว่ารู้สึกไม่ดีเลย ก่อนที่เราจะมาพูดถึงเรื่องการทำงานของผู้หญิงบนเรือผมว่าเราลองมามองดูชีวิตจริงของการใช้ชีวิตของผู้หญิงกันดีกว่าครับ อันตรายหรือภัยคุกคามของผู้หญิงนั้นโดยปรกติแล้วจะมีมากกว่าผู้ชายครับ เพราะว่าโดยตามธรรมชาติแล้วผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอกว่าผู้ชายอยู่แล้ว ไม่ว่าผู้หญิงไปอยู่หรือทำงานที่ไหนก็มักจะมีภัยอยู่รอบๆตัวอยู่แล้วครับ แต่สิ่งที่ผมกำลังจะพูดให้ฟังนี้มันเป็นเรื่องจริงเรื่องหนึ่งที่ผู้หญิงบางคนทั้งที่กำลังทำงานอยู่บนเรือและหรือเคยทำงานบนเรือมาก่อนหรือไม่เคยทำงานเรือมาก่อนแต่กำลังตัดสินใจที่กำลังจะมาทำงานเรือ อาจจะยังไม่รู้และควรจะรู้ไว้เป็นอย่างมาก
       บนเรือนั้นมันมีกฎอยู่กฎหนึ่งซึ่งอาจจะไม่ใช่กฎหมายที่จะเอาคนเข้าคุกเข้าตาราง[ยกเว้นเรื่องยาเสพติด ไม่ว่ามีเรื่องที่ประเทศไหนติดคุกที่ประเทศนั้นทันที] เราเรียกว่า Harassment คำคำนี้ความหมายมันกว้างมาก และเป็นคำที่รุ่นแรงอย่างมากในเมืองนอกและโดยเฉพาะบนเรือ อ้อลืมบอกความหมายไปสำหรับบางคนที่อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับมันคำนี้อ่านว่า ฮะแร็ซ-เม้นต์ แปลว่า การรุกราน การก่อกวน การคุกคาม การสร้างความรำคาญ การรังควาน ที่มีผลทำให้อีกคนหรืออีกฝ่ายเกิดความรู้สึกไม่สะดวกใจ ไม่สบายใจ และหรือรู้สึกกลัว ไม่ว่าจะเป็นทาง กาย วาจา หรือแม้กระทั้งสายตาครับ
จริงๆ แล้วความหมายมันก็คือการคุกคาม การรุกราน การก่อความรำคาญให้อีกคนหนึ่งแค่นั้นเองครับ แต่เมื่อนำมาตีความแล้ว แล้วอะไรล่ะที่มันเป็นการรุกราน อะไรล่ะที่มันเป็นการก่อกวน มันเป็นอะไรที่หาคำอธิบายได้ยากมาก เพราะว่าบนเรือนั้นมีคนอยู่ด้วยกันจำนวนมากที่มาจากหลายประเทศและหลายศาสนาและความเชื่อ การหอมแก้มกันของชาติอื่นๆ อาจจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าคุณยังรู้สึกว่าคุณไม่ชอบที่จะให้ใครมาหอมแก้มคุณง่ายๆอย่างน้น คนที่กำลังจะหอมแก้มคุณหรือหอมไปแล้ว เขาก็คือคนที่กำลังคุกคามคุณอยู่หรือได้คุกคามคุณไปแล้ว แล้วทีนี้เมื่อเรากำลังถูกคุกคามหรือถูกคุกคามไปแล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปครับ [ผมยกตัวอย่างเรื่องหอมแก้มให้ดูแล้วเดี๋ยวผมจะบอกในตอนหลัง] อันดับแรกให้บอกหัวหน้าของคุณทันที [ถ้าบังเอิญคนที่ทำเป็นหัวหน้าคุณให้บอกหัวหน้าแผนก] เล่ารายละเอียดทุกอย่างให้เขาฟังและบอกเขาว่าคุณรู้สึกไม่ดีและคุณจะไม่มีทางรู้สึกดีจนกว่าคุณจะได้คุยกับ P&T MGR. PT Mgr.นี้บ้านเราน่าจะเรียกว่า Personal ประมาณนั้นแหละแต่ว่าตำแหน่งนี้บนเรือเขาจะทำเกี่ยวกับ Training และก็เป็นที่ปรึกษาเชิงกฎหมายของลูกเรือด้วย ไม่ต้องกลัวหัวหน้างานหรือเพื่อนร่วมงาน ถ้าคุณมั่นใจว่าคุณไม่ผิดนะครับ PT Mgr. จะเป็นคนช่วยไกล่เกลี่ยให้แต่นั้นต้องเป็นไปตามระบบที่วางไว้คือว่าคุณได้แจ้งหรือคุยกับหัวหน้าคุณแล้วแต่ไม่มีอะไรคืบหน้าคุณก็เลยต้องมาหาเขา แปลให้อีกอย่างนึ่งว่าคนที่ทำหน้าที่ PT Mgr. ก็คือที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายให้แก่ลูกเรือก็ว่าได้
     เอาล่ะกลับมาว่ากันต่อที่เรื่องเราโดยหอมแก้มแล้วเราไม่สบายใจจนทำให้เราต้องบอกหัวหน้าแผนกและเราก็ต้องการคุยกับ PT Mgr. หลายๆคนอ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงจะขำหรือถึงขั้นหัวเราะออกมาเลยก็มีว่ามันจะอะไรนักหนาก็แค่หอมแก้มทักทายกันตามธรรมดา ครับถ้าคุณไม่รู้สึกอะไรเวลามีใครที่ไม่ใช่แฟนของคุณมาหอมแก้มก็ไม่ผิดอะไรครับ และผู้ชายคนที่เข้ามาหอมแก้มคุณก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะเขาไม่ได้ทำให้คุณเดือดร้อนหรือรู้สึกไม่สบายใจ แต่ว่า ถ้าผู้หญิงไม่ยอมและบอกว่านี่คือการคุกคามเธอยอมรับไม่ได้ คุณรู้มั๋ยครับว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับไอ้หมอนั่น มีอยู่สองอย่างครับ
     1.ก็โดนลงโทษสถานหนักอาจถึงให้เซนต์ใบเตือน และเขาคนนั้นไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งเกี่ยวหรือทำอะไรให้คุณรู้สึกไม่สบายใจอีกเป็นอันขาด ถ้าเกิดขึ้นอีกเขาก็เตรียมตัวกลับบ้านทันทีครับ
     2.ถ้าจากการสอบสวนแล้วเกิดจากการตั้งใจของฝ่ายชาย และเป็นการกระทำโดยท้าทายทั้งๆที่ฝ่ายหญิงบอกว่าไม่แล้วแต่ยังจะหอมให้ได้เขาก็ต้องกลับบ้านทันทีครับ
Harassment คือการกระทำใดๆก็ช่างที่ทำแล้วทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเดือดร้อน ไม่สบายใจ หรือหวาดกลัว
     อ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกเป็นอย่างไรบ้างครับ ที่ยกตัวอย่างแค่เรื่องการทักทายด้วยการหอมแก้มซึ่งเป็ฯเรื่องปรกติของพวกฝรั่ง แต่ว่าเราเป็นคนไทยครับถ้าคุณไม่สะดวกสบายใจในสิ่งที่เกิดขึ้นนั่นคือการ Harassment ก็ลองนึกดูนะครับว่าถ้าเรื่องแค่นี้เขายังเอาจริงขนาดนี้ แล้วเรื่องที่ว่าจะโดนแต้ะอั๋งนะยังมีโอกาสเกิดขึ้นอยู่อีกหรือ คนที่มาทำงานเรือทุกคนไม่มีใครอยากโดนส่งกลับบ้านหรอกครับ เรื่องนี้คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงผมเคยเห็นคนที่โดนส่งกลับบ้านด้วยข้อหาเล็กๆ แบบนี้มานักต่อนักแล้วครับ เดี๋ยวจะกลับมาเล่าให้ฟังกันต่อมีอีกหลายเรื่องมาก เรื่องที่เล่าให้ฟังวันนี้คิดว่าน่าจะเข้าใจอะไรมากขึ้นนะครับ ครั้งหน้ามีกรณีที่ช็อควงการมาก เอาแบบย่อๆนะครับ มีหัวหน้างานคนนึงทำงานดีมากแต่บังเอิญไปว่าลูกน้องที่มาทำงานสาย ย้ำนะครับว่าลูกน้องคนนี้มาทำงานสายแล้วสามครั้ง ก็เลยทำให้ลูกน้องคนนี้อายที่โดนว่าต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน ตอนจบก็คือว่าหัวหน้างานคนนี้โดนส่งกลับบ้านในข้อหาที่ไปว่าลูกน้องที่มาทำงานสายครับ นีคือการ Harassment ทางวาจาครับยังไม่โดนเนื้อต้องตัวเลยครับ เป็นอย่างไรบ้างครับคุณผู้หญิงสบายใจกันขึ้นมาบ้างหรือเปล่า

Sunday, November 22, 2009

การใช้ชีวิตบนเรือ

ครับผมก็มาต่อกันอีกครับกับการใช้ชีวิตบนเรือ หรือที่ต่อไปเราจะเรียกว่า life at sea นี่คือแบบสุภาพ แต่ถ้าแบบไม่สุภาพก็จะพูดว่า same shit difference day ครับ คนเราไม่ว่าไปอยู่ที่ไหน มันก็ขึ้นอยู่ที่ตัวเรานี่แหละครับว่าอยากจะอยู่อย่างไรและอยากจะทำตัวอย่างไร มาทำงานเรือไม่ได้หมายความว่าคุณจะมีเงินเยอะ ถ้าคุณไม่เก็บ มาทำงานเรือไม่ได้หมายความว่าคุณจะเก่งภาษา ถ้าคุณไม่ฝึกและเรียนรู้ไปด้วย เพราะฉนั้นจงทำความเข้าใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมกำลังได้พยายามถ่ายทอดออกมาให้ได้รับรู้กัน ไม่ได้บอกว่าผมเป็นเทพนะครับ บางเรื่องบางประสบการณ์ที่มันไม่ดีน่ะ บางเรื่องก็มาจากผมนี่แหละ ผมก็ไม่ใช่คนดีอะไรมากมายหรอกครับ เคยผิดพลาดมาก็บ่อย แต่ว่าก็เก็บเอาประสบการณ์ความผิดพลาดนั้นมาบอกกล่าวกับคนทำงานเรือรุ่นหลังๆ จะได้รู้ทันและเตรียมการรับมือได้ ครับครั้งที่แล้วเราคุยกันค้างไว้เกี่ยวกับเรื่องการใช้ชีวิตบนเรือ ก็มีเรื่องที่พัก cabin อาหาร crew mess และก็การรักษาพยาบาล crew clinic
งั้นวันนี้มาต่อกันเรื่องต่อไปดีกว่าครับ


     UNIFORM ตรงส่วนของ uniform นี้ทางเรือจะแจกให้ตอนที่เรามา join เรือเป็นครั้งแรก[ของ princess cruises นะครับ ของบริษัทอื่นยังไม่รู้ ใครรู้แล้วส่งข่าวด่วน] แต่ปีต่อๆ ไปคุณต้องเตรียมตัวซื้อเอง แต่ว่าถ้าได้ปรับตำแหน่ง uniform ก็จะแจกให้ตามตำแหน่งครับ และส่วนของ uniform นี้เราก็สามารถส่งซักได้ถ้ายังไม่เกิดอาการขี้เกียจ แต่ถ้าไปทำงานใหม่ๆ ก็แนะนำให้ลองไปส่งผ้าเองดูก็แล้วกันอย่างน้อยก็ได้เห็นได้รู้อะไรในบางส่วนที่เราไม่ค่อยได้เห็น ผมอยู่เรือมาเกือบ 10ปี ผมเคยลงไปที่ห้อง uniform แค่ไม่กี่ครั้งเองครับ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้ว จ้างคนซักผ้าให้ตลอด อาทิตย์ละแค่ 10$ เองครับ แลกกับเวลาและความสะดวกสะบายที่เราจะได้รับครับ เพราะว่าถ้าคุณส่งเองก็ต้องคอยถึงสองวันถึงจะได้ [เข้ามีให้3ชุด]
แต่ถ้าจ้างคนซักผ้า ส่งวันนี้ตอนเย็น พรุ่งนี้ตอนเย็นชุดก็ได้แล้ว นี่แหละครับที่เขาเรียกว่า money talk และบนเรือนี่ money is god สำหรับทุกผู้ทุกคนครับ แต่ว่าเสื้อผ้าของเราเองเราจะต้องเป็นคนซักเองนะครับ หรือจะจ้างซักก็ได้ แต่ว่าค่าใช้จ่ายก็จะแพงนิดหน่อยเพราะนับเป็นชิ้น ส่วนที่ซักผ้าก็จะมีอยู่หลายจุดพอสมควรแล้วแต่ขนาดของเรือลำที่เราอยู่ครับ
     CREW GYMNASIUM ครับ นี่ก็คือสถานที่ที่ให้ลูกเรือได้มาทำการออกกำลังฝึกความแข็งแรงของร่างกายเพื่อพร้อมที่จะรับงานหนักของวันต่อไป ก็เป็นห้องไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป แต่ก็มีอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือครบพอสมควร ผมเองก็เคยไปใช้บริการอยู่ค่อนข้างจะบ่อยอยู่พอสมควร ประโยชน์ที่ได้รับก็คือความกระฉับกระเฉง และความสมส่วนของร่างกายครับ แต่อย่าหักโหมมากนะครับ เพราะว่าพรุ่งนี้เรายังต้องทำงานต่ออยู่นะครับ เอาให้แค่พอดีก็พอครับ เหมือนดังคำที่ว่า "ไม่ต้องรีบหรอกงานน่ะมีให้ทำทั้งปี"
     CREW INTERNET ณ ตอนนี้คิดว่าเรือทุกลำคงจะมี ห้อง internet สำหรับลูกเรือครบกันหมดแล้ว และบางลำจะมีบริการ wi-fi แล้วด้วยแต่ก็ต้องแลกมากับการยอมจ่ายเงินเพิ่มนะครับ นอนอยู่บนเตียงยังเปิดเช็ค e-mail ได้เลยครับสะดวกมาก ก็ลองเช็คดูก็แล้วกันว่าเรือลำที่เราอยู่น่ะมันมี wi-fi หรือเปล่า

     CREW BAR [crew recreation] อันนี้คงจะเป็นสถานที่ที่ลูกเรือทุกคนชอบเอามากๆ เพราะว่ามันเป็นที่ที่มานั่งพักผ่อนสมอง หรือมานั่งพักขาดื่มเบียร์เย็นๆ และคุยกับเพื่อนฝูงแค่นี้มันก็เป็นอะไรที่มีความสุขที่สุดแล้วครับ ยิ่งวันไหนที่เขามีงานพิเศษต่างๆ ยิ่งดูคึกคักใหญ่ เพราะว่าทั้งชะนีและสาวสวยก็จะแต่งตัวมาประชันกันแบบสุดๆ แบบว่าแค่นั่งดูก็อิ่มแล้ว เผลอๆ อาจมีเฮด้วยใครจะไปรู้ crew bar ก็คือสถานที่ที่ขายเครื่องดื่มให้กับพนักงานในราคาต้นทุน [ที่ยังได้กำไรอยู่] เช่นเบียร์ก็ตกอยู่กระป๋องละ 1 $ โค้กก็ตกอยู่ที่กระป๋องละ 65 cent ซึ่งก็ถือว่าถูกแล้ว ดื่มได้เต็มที่ไม่มีใครว่า แต่ขอบอกขอเตือนว่าอย่าดื่มจนเมาแบบไม่ได้สตินะครับ หลายๆคนอาจจะเคยคุยให้คุณฟังว่าดื่มเหล้าเมาทุกวัน เมาไปทำงานก็มี ครับเรื่องนี้มันเรื่องจริง แต่อย่าเอาอนาคตของเราไปเสี่ยงเลยครับ เดี่ยวจะบอกเหตุผลในหัวข้อ กฎระเบียบของเรือ อันนี้เอาแบบคร่าวๆ ก่อน คือว่าถ้าคุณเมาแล้วไม่มีใครเห็นก็ไม่เป็นไรครับ แต่ว่าถ้าดวงคุณซวย บังเอิญว่าคุณเมาแล้วหลับอยู่ที่โต๊ะ คือกลับห้องไม่ไหว หรือว่าเมาเดินเซจะกลับห้องแล้วชนโน่นชนนี่ หรือเมาแล้วพูดไม่รู้เรื่อง ถ้า safety officer หรือ security มาเจอเข้า คุณก็เตรียมตัวเก็บเสื้อผ้าทันทีที่หายเมาครับ แล้วเดี๋ยวจะมาบอกต่อว่าทำไมวันนี้เอาแค่นี้ก่อน

ship inside





Posted by Picasa

ship inside1





Posted by Picasa

ความเป็นอยู่ของลูกเรือ



สวัสดีครับทุกๆคนไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง ใครที่คิดที่เตรียมตัวจะไปทำงานบนเรือกันน่ะ ตอนนี้เตรียมตัวกันไปถึงไหนแล้วครับ ก็มีบทความหลายๆ เรื่องแล้วนะครับที่ผมได้ทำการบอกกล่าวเล่าเรื่องไปต่างๆ นาๆ ครับ แต่ว่ายังงัยซะมันก็ยังไม่หมดหรอกครับ แต่ก็จะทยอยบอกกล่าวเล่าเรื่องกันต่อไป ยังงัยซะก็ติดตามอ่านต่อไปก็แล้วกันนะครับ
     ภาพที่เรามองดูเรือจากด้านนอกเราแทบจะไม่เห็นอะไรมากมายเลยนอกจากตัวเรือ และรูปทรงด้านนอก แต่ทว่าภายในเรือนั้นกลับมีชีวิตชีวามากกว่าที่เราคิดครับ ก็ลองนึกดูเอาก็แล้วกันครับว่า เรือลำหนึ่งจะขอพูดถึงเรือระดับ grand class จะประกอบไปด้วย passenger ประมาณ 3100 คน และ crew members ประมาณ 1200 คน อัตราส่วนของ passenger ต่อ crew members จะอยู่ที่ crew  1 คน ต่อ passenger 2.5 คนครับ แต่ก็มีบางบริษัทที่ใช้การบริการระดับ 5 ดาว คือการที่มีจำนวน passenger และ crew members เท่ากัน คือว่า 1 ต่อ 1 ว่างั้นเถอะ
     คนตั้ง 4000 กว่าคนอยู่รวมกันในพื้นที่ที่ค่อนข้างจะจำกัด โดยเฉพาะที่นอนของพวกเราที่กำลังจะพูดถึง ยิ่งแคบไปใหญ่ ก็เหมือนกับเมืองๆ หนึ่งเลยนะครับ ในส่วนของ passenger นั้นคงไม่ค่อยจะมีปัญหากันซักเท่าไหร่ เพราะว่าเขามาเพื่อพักผ่อน และมาเพื่อซื้อการบริการที่ดี แค่สองสิ่งนี้ passenger ของเราก็มีความสุขแล้วครับ เพราะที่เหลือก็จะเป็นหน้าที่ของทีม entertain และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ทางเรือได้จัดเตรียมไว้ให้กับบรรดา passenger เหล่านี้ และในเมื่อ passenger ไม่น่าจะมีปัญหาแล้ว แล้วพวกลูกเรืออย่างเราล่ะจะมีใครคอยสนใจหรือห่วงใยเราบ้างหรือเปล่าเนี่ย
     เอาล่ะครับอย่าพึ่งน้อยใจไปนะครับ ในความรู้สึกของใครหลายๆ คนจะคิดอย่างไรกับสิ่งที่ทางบริษั[เรือ]ได้ดูแลลูกเรือก็ช่าง [ไม่ว่าประสบการณ์ที่ดีหรือประสบการณ์ที่ไม่ดีก็ขอให้ฟังหูไว้หูนะครับ] แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นก็เป็นเช่นนี้ครับ
      เรื่องที่หลับที่นอน หรือเราเรียกว่า CABIN สำหรับพนักงานที่พึ่งเข้ามาทำงานใหม่หรือพนักงานที่อยู่มา 5ปีแล้วแต่ยังไม่ได้โปรโมทเสียที ก็จะอยู่ใน CABIN ที่เป็นแบบแชร์ห้องน้ำกับอีกห้อง ก็คือว่าห้องที่คุณอยู่ 2 คน เตียงบน เตียงล่าง และก็จะมีห้องน้ำอยู่ตรงกลาง เปิดได้ทั้งสองด้าน ก็คือว่า 4 คนใช้ห้องน้ำรวมกัน ลองนึกดูว่าถ้าบังเอิญ ต้องทำงานเวลาเดียวกันหมด ก็คงต้องจัดเวรกันหน่อยล่ะ ในห้องก็จะมีตู้ใส่เสื้อผ้าให้คนละตู้ มีโต๊ะไว้เขียนหนังสือพร้อมลิ้นชักไว้เก็บของมีค่า [มีที่ล็อค] โต๊ะเขียนหนังสือที่ว่าส่วนใหญ่จะเป็นที่วางของซะมากกว่า และก็มีอ่างล้างหน้า พร้อมที่เก็บของใช้ส่วนตัวอีกคนละช่อง พร้อมที่ซ่อนของด้านล่างอ่างล้างหน้า หันมาทางด้านเตียงนอนก็จะมีเป็นเตียงล่างและเตียงบน โดยกฎและกติกาที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยไหนแล้วก็ไม่รู้ ผู้ที่อยู่ก่อนจะได้นอนเตียงล่าง ส่วนใครที่มาใหม่ก็จะได้อยู่เตียงบน [คำว่ามาใหม่ในที่นี้ก็คือว่าลงเรือ ต่อให้คุณอยู่มาแล้ว 10ปี ถ้าคุณลงเรือวันนี้คุณก็ต้องกระโดดขึ้นไปอยู่ข้างบนครับ] ขนาดของห้องโดยประมาณน่าจะอยู่ที่ 2.4x2 เมตร ครับ แต่ไม่ว่าจะเล็กยังงัยก็ช่าง บางวันเคยจัดปาร์ตี้กันคนเป็นสิบยังอยู่กันได้แบบคับแคบน่าดู

นี่เป็น cabin ของผมเองก็เลยดูใหญ่นิดนึง มีพื้นที่ด้านหน้าประตูหน่อยนึง มีชั้นวางของเพิ่มขึ้นและห้องกวางขึ้น มีตู้เย็นให้เรียบร้อย และก็ห้องน้ำในตัวใช้กันแค่สองคนกับ room mate.
     เรื่องอาหารการกิน และที่ที่พวกเราจะไปทานอาหารกันในแต่ละวันนั้นเรียกว่า CREW MESS ได้เขียนอธิบายไว้แล้วใน คำศัพท์งานเรือ ไปอ่านเพิ่มเติมเอาก็แล้วกัน เพียงแค่อยากบอกว่า อาหารที่ทางเรือได้เตรียมไว้ให้นั้นส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่ จะด้วยเหตุผลอันใดก็มิอาจทราบได้ว่าทำไมมันถึงไม่ยอมปรับปรุงหรือว่ามันปรับปรุงไม่ได้ อาหารนะดีครับ ของดีๆทั้งนั้นครับที่เอามาให้พวกเรากินกันน่ะ แต่ว่ากรรมวิธีในการทำอาหารของเขาไม่ได้ทำให้อาหารมีรสชาดหรือน่ากินเลยครับ มีอยู่ชาติเดียวที่กินอาหารได้อย่างน่าอร่อยมากก็คือไอ้ผิน[ชาวฟิลิปินส์] เดี๋ยวถ้าเห็นมันตักขาวแล้วคุณจะนึกถึงคำพูดคำนี้
     เรื่องการรักษาพยาบาล อันนี้ก็ไม่ต้องห่วงถ้าใครที่คิดว่าตัวเองมีปัญหาเรื่องสุขภาพ แต่บังเอิญว่ารอดพ้นจากการตรวจของโรงพยาบาลกรุงธนไปได้ ไปอยู่เรือแค่เดี๋ยวเดียวแค่นั้นแหละอาการมันก็จะแสดงผลทันที แต่ไม่ต้องตกใจนะครับ บนเรือเขาจะดูแลและก็ทำทุกวิถีทางที่จะทำให้คุณหาย ถ้าเขารักษาไม่ได้เขาก็จะส่งตัวเราไปรักษาที่โรงพยาบาลข้างนอก แต่อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยครับ เอาเป็นว่าเรื่องประกันสุขภาพนั้นสบายใจได้ครับไม่ต้องเป็นห่วง มีกรณีตัวอย่างเรื่องนึงจะเล่าให้ฟังแต่ไม่ต้องไปทำตามนะครับ และก็จะไม่ขอเอ่ยชื่อของบุคคลในเรื่อง แต่ถ้าบังเอิญว่าเจ้าของเรื่องได้รับรู้หรืออ่านเจอบทความนี้ ติดต่อมาด่วน เพราะไม่ได้เจอมานานแล้ว เรื่องมีอยู่ว่าเขาผู้นี้ไปดื่มเหล้าที่ข้างนอกแล้วเมาจัดจนทำให้ล้มหัวฟาดพื้นห้องน้ำประมาณนั้นแหละและต้องส่งตัวไปรับการรักษาโดยด่วนที่โรงพยาบาล และหลังจากนั้นก็ต้องส่งตัวให้เขาผู้นั้นกลับมารักษาตัวที่บ้าน พร้อมทั้งค่ารักษาพยาบาลที่ส่งตามมาให้มันได้ดื่มเหล้าต่อที่บ้าน รู้สึกว่าถ้ารวมๆ กันแล้วก็ประมาณว่าเลข 6หลักนี่แหละครับ เพราะที่จำได้ตอนที่เขาเล่าให้ฟังมันมีครั้งละ 1000กว่าเหรียญ 2 ครั้งและก็มีครั้งเล็กครั้งน้อยอีก อ่านแล้วอย่าคิดทำตามนะครับที่เล่าให้ฟังแค่อย่าจะบอกว่าเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยเขาดูแลอย่างถึงที่สุด สบายใจได้ครับ เดี๋ยวจะมาต่อเรื่องความปลอดภัยของผู้หญิง ที่เขาบอกมาว่ามันอันตราย มันไม่ปลอดภัย มีแต่ความเสี่ยงน่ะมันเป็นยังงัยแน่ เดี๋ยวมาบอกครับ


Saturday, November 21, 2009

ประกาศถึงลูกเรือทุกคน

สวัสดีครับผมก็กลับมาเจอกันอีกแล้วนะครับ วันนี้มีข่าวฝากมาประกาศให้พี่น้องชาวเรือทุกคนทราบโดยทั่วกัน ไม่ว่าตอนนี้คุณจะอยู่บนเรือหรือว่าอยู่ที่บ้าน ก็อยากจะรบกวนให้ช่วยส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับงานเรือมาฝากน้องๆ รุ่นหลังๆ กันหน่อยนึง ก็ไม่ต้องถึงกับว่าคุณจะต้องมาเขียนอะไรมากมายอย่างผมหรอกนะครับ แค่ข้อความสั้นๆ ว่าคุณคือใคร ทำงานอยู่เรืออะไร ทำตำแหน่งอะไร มีใครอยู่ที่นั้นบ้าง ใครคือหัวหน้าแผนก ของแผนกต่างๆ การเงินที่นั้นเป็นอย่างไร มีเหตุการณ์อะไรที่พวกเราน่าจะรู้ไว้บ้าง หรือมีข้อมูลอะไรใหม่ๆ ที่คิดว่าคนอื่นยังไม่รู้ ครับผมก็แค่นี้แหละครับที่เหลือผมก็จะนำมาปรุงแต่งให้เองครับ แต่คุณเชื่อหรือเปล่าครับว่าเรื่องเพียงน้อยนิดแค่นี้ที่เราเห็นอยู่ทุกวี่ทุกวัน มันกลับมีค่ามากกับคนที่เขายังไม่รู้และเขากำลังต้องการข้อมูลอยู่พอดี  ใครที่ติดตามกันมาซักระยะนึงแล้วก็คงจะพอทราบแล้วว่า เว็บบล็อคนี้จริงๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่ บอกให้อีกครั้งนึงก็ได้ครับ พื้นที่ตรงนี้ผมกำลังจะสร้างให้มันเป็นพื้นที่ที่คนทำงานเรือสำราญไม่ว่าจะบริษัทไหนก็ได้ ได้มีพื้นที่ในการรวมตัวกัน แต่ในตอนนี้ขอเน้นของ princess cruises ก่อนนะครับ เพราะว่าผมทำงานที่นี่มาก่อนและก็พอที่จะรู้อะไรต่อมิอะไรมาเยอะพอสมควร ก็เลยจะเขียนถึงแต่ princess cruises ซะเป็นส่วนใหญ่ [แต่ถ้าใครที่ทำงานอยู่ที่บริษัทอื่น ถ้าได้เจอบทความนี้ หรือเว็บนี้ก็ขอรบกวนให้ช่วยแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่คุณทำงานอยู่มาตาม e-mail นี้นะครับ chatfreedomlife@gmail.com ผมจะรีบเอาข้อมูลของคุณมาเขียนทันทีครับ] มาต่อที่ว่าเป็นพื้นที่ที่ให้ลูกเรือมารวมตัวกัน แล้วรวมตัวกันไปเพื่ออะไรครับ งั้นก็มาดูกันไปเป็นข้อๆนะครับ
1.เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารของเรือแต่ละลำ และหรือของบริษัทอื่น[ในเร็ววันนี้]
2.รู้ถึงความเคลื่อนไหวของเพื่อนๆแต่ละคนที่เราอาจจะไม่เคยเห็นหน้ากันมานานแล้ว เพราะว่าเราจะมีระบบฝากข้อมูลเบื้องต้นของลูกเรือแต่ละคน ชื่อ e-mail  เรือ ตำแหน่ง วันเริ่มงาน วันกลับบ้าน
3.ข้อมูลความเคลื่อนไหวของลูกเรือที่พักร้อนอยู่ อันนี้ก็จะเป็นหน้าที่ให้ลูกเรือที่พักร้อนอยู่แจ้งข้อมูลเข้ามาว่าเขาจะไปลงเรือวันไหน ที่ไหน และเรืออะไร และหรือลูกเรือคนไหนที่ยินดีหรือรับบริการฝากของไปให้เพื่อน ในเรือลำที่เขากำลังจะไป และหรืออย่างน้อยเราก็รู้ว่าใครไปอยู่ที่ไหนบ้าง[อย่าปฎิเสธเลยส่วนใหญ่แล้วก็อยากรู้ทั้งนั้นแหละว่าใครอยู่ที่ไหนบ้าง]
4.เป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับงานเรือสำหรับน้องใหม่ และทุกๆคนที่มีความสนใจเกี่ยวกับงานเรือ
5.จะเป็นแหล่งรวบรวบบทความจากแผนกต่างๆ เกี่ยวกับการทำงานของเรือแต่ละลำ และแต่ละแผนก
6.จะมีเว็บบอร์ดสำหรับลูกเรือไทยจากทุกบริษัทได้เข้ามาฝากข้อความ คำถาม ข้อสงสัย หรือข้อแนะนำไว้ และใครที่คิดว่าสามารถตอบคำถามหรือข้อสงสัยนั้นได้ก็ช่วยๆ กันส่งเข้ามา ถ้าไม่มีใครตอบเข้ามาขอรับประกันว่า กระผมนาย thaiseaman จะตอบให้ทุกข้อสงสัย และทุกคำถามที่ส่งเข้ามา และข้อแนะนำไหนที่มีประโยชน์กับคนส่วนมาก ก็จะทำตามทันทีถ้าไม่เกินความสามารถจนเกินไปครับผม
7. Thaiseaman Story Club อันนี้ภูมิใจเสนอมากครับ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็แล้วแต่ว่าพวกเราชาวเรือด้วยกันนี้จะรวมตัวกันได้แค่ไหน ตั้งเป้าไว้ก็หลักพันขึ้นไปครับ แต่ว่าช่วงเริ่มต้นนั้น ผมอยากจะเห็นแค่ตัวเลขของสมาชิก เป็นสามหลักขึ้นไปผมก็พอใจแล้วครับ แต่ว่าหลักพันนี้ยังงัยก็ไปให้ถึงครับ มาพูดถึงหัวขอที่กล่าวไว้กันต่อดีกว่าครับ Thaiseaman Story Club จะเป็นพื้นที่ที่ให้ลูกเรือของแต่ละลำ แต่ละบริษัทได้ส่ง video ของกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนเรือ ไม่ว่าจะเป็นงานปาร์ตี้ทั่วไป งานวันเกิดของตัวเอง ถ่ายตอนออกไปเที่ยวข้างนอก ถ่ายเหตุการณ์ต่างๆ หรืออะไรก็ได้ แล้วก็ upload มายังเว็บของเรา แล้ว video ของคุณก็จะเป็นที่ปรากฎต่อหน้าสาธารณะชนเพียงไม่กี่นาที และ video ของคุณก็จะไปอยู่บน เว็บบล็อคทั้งหมดในเครือของ thaiseaman ทีนี้อย่าว่าแต่คนเป็นพันเลยครับที่จะเห็น video ของคุณ มันจะมากกว่านั้นหลายสิบหลายร้อยเท่าเลยครับ เพราะว่าเฉพาะเว็บบล็อคในเครือของผมก็เกือบร้อยแล้วครับ ลองนึกตามดูนะครับ ถ้ายังไม่พร้อมที่จะเปิดตัวอย่าส่งมาเด็ดขาด เพราะว่า video ที่ส่งเข้ามา เราได้เชิญชวนเชิงขออนุญาตแล้วนะครับว่าเราจะนำมาเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณะชนครับ
8.Thaiseaman Photo Gallery ตรงนี้ก็จะเหมือนกับ thaiseaman story club เพียงแต่ว่าจะนำเสนอในแนวของภาพนิ่งแล้วใส่คำอธิบายในแต่ละรูปภาพเอา เพราะว่าผมก็เป็นคนที่ชอบถ่ายรูปอยู่พอสมควร มีรูปเยอะมาก แต่ก็อย่างว่าแหละครับ รูปที่คุณถ่ายมาเองด้วยฝีมือของคุณเองน่ะ คุณมองมันยังงัยก็ไม่ตื่นเต้นหรกครับ แต่ลองให้คนที่เขาไม่ได้ไปเห็นสิ่งที่คุณถ่ายมาดูรูปนั้นซิ คุณจะเห็นความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ทำไมนะเหรอครับ เพราะว่าคุณได้เห็นสถานที่จริงมาแล้ว คุณไปเหยียบที่นั้นมาแล้ว นี่แค่รูป กับอีกคนที่ยังไม่เคยไปที่นั้น และยังไม่เคยเห็นสิ่งที่คุณถ่ายมา คุณคิดว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร โดยเฉพาะภาพที่พวกเราส่งมาจากเมืองนอก มันเป็นอะไรที่ทำให้คนที่ดูอยู่ทางนี้ตื่นเต้นและมีความสุขที่ได้เห็น รูปภาพที่ทุกคนส่งกันเข้ามาก็จะถูกนำมาแยกหมวดหมู่ดังนี้ครับ
1.รูปภาพที่เกี่ยวกับเรือ ไม่ว่าด้านนอกด้านใน
2.รูปภาพที่เกี่ยวกับเมืองต่างๆ
3.รูปภาพแนวปาร์ตี้สังสรรค์
4.รูปภาพแนวตลกขำขันดูแล้วอมยิ้ม
5.รูปภาพแนวธรรมชาติเช่น ชายหาด ภูเขา ต้นไม้ ดอกไม้ น้ำแข็ง ปลาวาฬ หมี กวาง นก เป็นต้น
6.รูปภาพที่เกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ของเรือ
7.รูปภาพที่ถ่ายกับเพื่อนฝูงทั้งไทยและเทศ
ครับผมและก็อีกนะแหละครับรูปภาพทุกรูปที่ส่งเข้ามาก็จะถูก upload  ไปยังเว็บบล็อคต่างๆในเครือของผมและก็อีกนะแหละครับ คนอีกหลายร้อยหลายพันก็จะได้เห็นผลงานที่ทุกคนได้ส่งเข้ามาแบ่งปันกันครับ
นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดที่กำลังจะเกิดขึ้นนะครับมันเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นครับ เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมได้บอกกล่าวไปข้างต้นนั้นผมไม่สามารถทำคนเดียวได้ครับ ผมต้องการความร่วมมือจากทุกๆคนครับ ผมเป็นเพียงสื่อกลางของทุกๆคน ที่จะนำเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่น้องชาวเรือส่งเข้ามา เอามาจัดเก็บและก็เผยแพร่ต่อสาธารณะชน และก็พวกเราทุกคนครับ แล้วเจอกันนะครับ


มหานคร new york

วินาทีฉิวเฉียดตอนที่เรือลอดใต้สะพาน ให้สังเกตุปล่องไอเสียห่างจากตัวสะพานแค่ 2 ฟุตเองครับ

บรรยากาศ sail away ที่ new york หลังจากที่ช่วยกันลุ้นให้ผ่านสะพานแล้วทุกคนก็หันมาดื่มกันต่อ ยุ่งอีกแล้วบาร์อย่างเรา

bar wars หรือการแข่งขันทำ cocktails ระหว่างผู้หญิงและผู้ชายโดยมี bartender เป็นผู้ช่วย

เป็นเรือของ royal caribbean จอดเคียงข้างกันยังกะตึกระฟ้า

ไม่บอกก็น่าจะรู้ว่านี่คือ venice เมืองที่ได้ชื่อว่าโรแมนติก ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ภาพทั้งหมดโดย thaiseaman
ครับนี่ก็เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนแค่นั้นเองครับ ไม่ต้องกลัวว่ารูปสวยหรือไม่สวย เราไม่ได้ส่งเข้ามาประกวดนะครับเราส่งมาอวดมาแบ่งกันชมมากกว่าครับ

Wednesday, November 18, 2009

คำศัพท์งานเรือ

สวัสดีครับผมยังต่อกันที่คำศัพท์บนเรือครับจริงๆ แล้วอยู่ไปมันก็น่าจะรู้เองนะแหละครับ แต่ว่ามันก็ดีไม่น้อยไม่ใช่หรือครับ ถ้าเขาพูดอะไรมาแล้วเราสามารถเข้าใจได้เลยโดยไม่ต้องคอยให้ผ่านไปซักเดือนหรือปี ครับผมรู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกก็หนักเพราะฉนั้นปลงกันเถอะครับ อ้าวไปไหนแล้วนี่ ก็อย่างที่บอกไว้ตอนต้นเรื่องนะครับว่ามันมีเยอะแยะมากมายเลยแต่จะเอาตัวที่เราน่าจะรู้ก็พอ และที่สำคัญคือเอาตัวที่ผมนึกออกก่อนก็แล้วกัน พอนึกส่วนที่เหลือได้เมื่อไหร่จะบอกอีกที 55555
DECK อ่านว่า เด็ค ไม่อ่านว่าเด็กนะให้อ่านว่า เดคเคอะ[ลงเสียงเคอะนิดเดียวก็พอ] แปลว่า ชั้น หรือในภาษา ENGLISH ก็คือ FLOOR นั้นเองครับ แต่ว่าก็ยังมีวิธีการใช้ที่ไม่เหมือนกันอีกอย่างครับ เช่น
     การเรียกชื่อชั้นแต่ละชั้นบนเรือจะใช้คำว่า deck แทนคำว่า floor โดยจะใช้คำว่า deck นำหน้าชั้นนั้นๆ เช่น ชั้นที่ 5 ก็ deck 5 ชั้นที่ 10 ก็ deck 10 แต่ยังมีอะไรให้งงอีกนิดนึงครับ ถ้าบังเอิญว่าชั้นที่เราจะเรียกดันทะลึ่งใช้ชื่อแทนตัวเลข เราจะต้องพูดชื่อชั้นก่อนแล้วค่อยตามด้วย deck เช่น เราจะพูดถึงชั้น lido เราก็จะต้องพูดว่า LIDO DECK เราจะพูดถึงชั้น BAJA เราก็จะต้องพูดว่า BAJA DECK เป็นต้นไม่งงนะครับ


ตรงดาดฟ้าเรือเราจะเรียกว่า OPEN DECK
            DRILL อ่าว่า ดริล พยายามออกเสียงให้ได้นะครับ คำนี้ยังไม่เห็นคนไทยพูดได้ซักเท่าไหร่ แปลว่าการซ้อม การเตรียมการ การฝึก หรือจะให้พูดให้เราๆท่านๆเข้าใจง่ายหน่อยก็คือ การ training นะแหละครับ คำๆนี้บนเรือถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก คุณไม่ไปทำงานหนึ่งครั้งหัวหน้าก็ยังพอจะให้อภัยได้ครับ แต่ถ้าคุณไม่ไป DRILL แล้วล่ะก็ เป็นเรื่องใหญ่เลยครับ ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากเพราะว่าการ DRILL ในแต่ละครั้งก็คือการซ้อมเพื่อความปลอดภัยของทุกคนบนเรือ อย่าทำเป็นเล่นไปนะครับ เจอ SAFETY OFFICER บางคนที่เคี่ยวๆ เขามีสิทธิ์ส่งคุณกลับบ้านได้นะครับถ้าเขาเห็นคุณไม่มีความพร้อมหรือไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ การ DRILL จะมีทุกๆ อาทิตย์ครับ แล้วแต่สถานการณ์ตอนนั้นๆว่าอยู่ในระดับไหน ถ้าอยู่ในช่วงสงบ ก็อาจจะอาทิตย์เว้นอาทิตย์ครับ เริ่ม DRILL ตอนประมาณ 9.45น.ถึง 11.00น. โดยประมาณแล้วแต่ว่าการซักซ้อมเป็นไปตามแผนหรือเปล่า บางคนที่เคยไปทำงานเรือมาบ้างแล้วอาจจะคิดว่าผมเขียนเว่อไปหรือเปล่า เห็น DRILL แต่ละทีมีแต่ยืนเล่นนั่งเล่นกันไม่เห็นได้ทำอะไรเลย ใช่ครับถ้าคุณเป็นแค่ work party /zone personal คุณก็ไม่มีอะไรทำจริงๆนะแหละครับ แต่ว่าผมเป็น 1st INCHARGE มา 5 ปีแล้วครับ และผมก็ผ่านการฝึกจริงหลักสูตร 18 วันการอยู่รอดในทะเล[กรณีเรือล่ม]C.P.S.C. และผมก็เคยเจอกับพายุมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และก็ผ่านการทดสอบให้ปฎิบัติการจริงต่อหน้า U.S.C.G. [เดี๋ยวจะบอกในบทต่อไป] มาแล้วนับได้ประมาณ6ครั้ง อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคุณคิดว่าถ้าเรือล่มขึ้นมาซึ่งอาจเกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่ถ้าบังเอิญเรือล่มขึ้นมาคุณคิดว่าใครจะรอดตายระหว่างคนที่ทำจริงทุกอย่างเวลา DRILL กับคนที่ยืนเล่นนั่งเล่นในเวลา DRILL เพราะฉนั้นอย่าทำเป็นเล่นไป


ที่เห็นเป็นถังสีขาวนี้เรียกว่า life raft เรือลำใหญ่มีอยู่ตั้ง 72 อัน จุคนได้ตั้ง 35 คน แต่มีซักกี่คนที่รู้วิธีใช้   งานมันถ้าบังเอิญว่าคนที่มีหน้าที่ตรงนี้บังเอิญไม่มาหรือบาดเจ็บ
THE BRIDGE  อ่านว่า [ไปหัดออกเสียงเอาเองมันไม่ได้อ่านว่า เดอะ ก็แล้วกัน] หลายคนคงจะคิดว่ามันน่าจะแปลว่าสะพานแน่นอน เหมือนที่แปลไว้ใน คู่มือลูกเรือที่อยู่หน้า crew mess ครับแต่ว่าอันนี้มันอยู่บนเรือครับ BRIDGE คำนี้มันก็เลยแปลว่า หอบังคับการ ครับผม หรือจะเรียกว่าศูนย์บัญชาการก็ไม่ผิด แต่ไม่ใช่สะพานแน่นอน ที่ THE BRIDGE นี้ก็จะเป็นที่ทำงานของ CAPTAIN /STAFF CAPTAIN /NAVIGATOR OFFICER /SAFETY OFFICER /และก็พนักงานขับเรือซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นชาวอินโด แต่ว่ามาระยะหลังๆ นี้ เขาเริ่มไม่ค่อยที่จะรับชาวอินโดเพิ่ม จึงเริ่มมีชาวฟิลิปินส์มาแจมด้วยเยอะพอสมควร พูดง่ายๆก็คือว่าห้องนี้เป็นห้องที่คอยควบคุมทุกอย่างเลยก็ว่าได้

ที่เห็นอยู่ด้านบนสุดนั้นแหละ THE BRIDGE ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ที่ชั้น 12หรือ14 แล้วแต่ขนาดของเรือและเบอร์โทรก็จะใช้ตามชั้นของเรือลำนั้นเช่น อยู่ที่ชั้น 12 ก็ 12000 อยู่ที่ชั้น 14 ก็ 14000 เป็นสิ่งที่ควรรู้อีกเช่นกัน เอาละครับเดี๋ยวจะกลับมาเจอกันในไม่ช้า แต่ถ้ามีปัญหาอะไรที่ผมยังไม่ได้เขียนไว้ในนี้ก็ส่ง email มาถามได้นะครับ ผมเช็ค email ทุกวัน วันละ 3 เวลาครับ อันนี้พูดจริงครับเพราะว่าผมเปิดเว็บไซต์ขายสินค้าด้วยก็เลยต้องเช็ค email ทุกวันอยู่แล้ว ดีไม่ดีถามมาปุ๊บตอบไปปั๊บเลยก็ได้ ฝากเว็ทไซต์ไว้ให้ดูเล่นหน่อยก็แล้วกัน http://www.thaiwireart.com/

inside the ship





Posted by Picasa

Friday, November 13, 2009

คำศัพท์งานเรือ





ก็สวัสดีครับผมพี่น้องชาวเรือทุกผู้ทุกคนครับ เป็นอย่างไรบ้างครับไม่ว่าจะเป็นน้องใหม่หรือว่าพี่ใหญ่ ยังงัยก็ต้องขอขอบใจมากที่ได้แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนกัน วันนี้ก็มีคำศัพท์ใหม่ๆมาฝากกันเหมือนเดิมครับ อย่าเพิ่งบอกว่าคำนี้รู้แล้วนะครับ เพราะว่ามีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ ก็เลยต้องเอาคำศัพท์เก่าๆ มาเล่าใหม่บ้างพอเป็นพิธีครับ
CAMBUSA อ่านว่า คามบูซา แปลว่า storage room ครับ หรือว่าห้องเก็บของเตรียมของนะแหละครับ ส่วนใหญ่จะอยู่ชั้น 3 และ 4 ของทุกลำ ของที่ว่านี้ก็คือพวกอาหาร เช่นผัก ผลไม้ และก็พวกอาหารแห้ง เนย นม ต่างๆ ประมาณนี้แหละครับ
CELLAR อ่านว่า เซลล่าร์ แปลว่า สถานที่เก็บเครื่องดื่มครับ ในทั่วไปอาจจะเข้าใจว่า cellar คือที่เพาะบ่มหรือเก็บไวน์ประมาณนั้น แต่ว่าบนเรือมันก็คือห้องเก็บเครื่องดื่มนะแหละครับ ห้องนี้ก็จะเป็นห้องที่แผนกบาร์ โดยเฉพาะ UTFB [pantry boy]มาใช้บริการกันบ่อยที่สุด โดยเฉพาะ pantry boy เพราะว่าจะต้องมาเบิกของที่นี่เกือบจะทุกวัน
GALLEY อ่านว่า กัล-ลี่ แปลว่า ห้องครัว หรือ kitchen นะแหละครับ บนเรือเขาใช้คำว่า galley กันครับ อย่างบนเรือของไทย พ่อครัวเขายังเรียกว่า จุ่มโพ่ เลยครับ แต่ห้องครัวไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกว่าอะไร
CREW OFFICE อ่านว่า ครู-อ็อฟฟิซ แปลว่า ที่ที่ crew หรือลูกเรือนี่แหละจะมาทำธุระกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขึ้นเรือ หรือลงเรือ ส่งเงิน ขออยู่ต่อ ขอกลับก่อน ซื้อบัตรโทรศัพท์ เช็ควันกลับบ้าน และอื่นๆอีกมากมาย หรือเรียกอีกอย่างว่า crew office ก็น่าจะเหมือนกับ personal ตามโรงแรมของบ้านเรานะแหละครับ
CREW AREA SUPERVISOR อ่านว่า ครู แอ-รี-อา ซูปเปอร์ ไวสเซอร์ แปลว่า ห้องนี้ก็จะเป็นที่รับเรื่องราวต่างๆ ของลูกเรือที่มีปัญหาเกี่ยวกับห้องพัก เช่น ห้องน้ำไม่ทำงาน ไฟไม่ติด ประตูล็อคไม่ได้ ก็อกน้ำไม่ทำงาน และอื่นๆ ก็คือว่าไปลงชื่อ เรื่องราวต่างๆไว้แล้วทาง crew area sup. ก็จะได้จัดการส่งคนไปทำการแก้ไขให้ และ crew area sup. ก็ยังทำหน้าที่ดูแลรักษาความสะอาดของบริเวณที่พักอาศัยของลูกเรือทั้งหมดด้วย
CREW BAR [CREW RECREATION] อ่านว่า ครู บาร์ แปลว่า สถานที่ ที่เป็นที่พักผ่อนและสังสรรค์กันของลูกเรือ และนานๆ หรือแต่ละเดือนก็จะมีการจัดงานหรือกิจกรรมต่างๆ ของแต่ละแผนก หรือแต่ละประเทศ เช่นวันชาติของแต่ละประเทศ แต่น่าเสียดายแทนคนไทยทุกคนที่ไม่มีโอกาสได้จัดงานวันชาติเหมือนชาติอื่นเขา เพราะว่าเราเป็นชาติเดียวบนเรือที่ยังไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร อันนี้ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยอย่าสุดซึ้ง[ตามทันหรือเปล่านี่] แต่ไม่ต้องห่วงครับ อีกไม่นานเกินรอครับ เราจะได้จัดวันชาติแน่นอน[แล้วอันนี้เข้าใจหรือเปล่านี่]
CREW CLINIC อ่านว่า ครู คลีนิค แปลว่า สถานรักษาพยาบาล ของลูกเรือครับผม ถ้าไม่จำเป็นอย่าเข้าไปเลยครับ ผมอยู่มา 9 ปี นอกจากที่จะต้องไปฉีดยาประจำปีทุกปีแล้วก็เคยไปใช้บริการครั้งนึงครับ เป็นอุบัติเหตุครั้งที่ยิ่งใหญ่มากครับ สำหรับผมในตอนนั้น ก็ประตูห้องน้ำนะซิครับดันมาหนีบมือเอาซะได้ เล็บนี้แทบหลุดเลยครับ เสียฟอร์มหมดเลยครับ
CREW CLUB อ่านว่า ครู คลับ แปลว่า ทีมงานที่ทำกิจกรรมต่างๆ ให้ลูกเรือ ไม้ว่าจะเป็นความบันเทิง ข่าวสาร และความช่วยเหลือต่างๆ crew club ก็คือคนที่เราเลือกให้เป็นตัวแทนของเรานะแหละครับ
Posted by Picasa

Saturday, November 7, 2009

คำศัพท์งานเรือ

สวัสดีครับเป็นอย่างไรกันบ้างครับ คำศัพท์บางคำเราก็คงพอจะคุ้นกันบ้างนะครับ เพียงแต่ว่าเราไม่ค่อยหรือไม่เคยที่จะใช้มันกันซักเท่าไหร่ มาดูกันต่อเลยครับ
EMBARKATION อ่านว่า เอ็มบาร์กเคชั่น แปลว่า ลงเรือ หรือภาษาโรงแรมก็คือการ check in นั่นเอง การลงเรือในวันแรกเท่านั้นถึงจะเรียกว่า EMBARKATION ส่วนการลงเรือ[จริงๆแล้วมันคือการขึ้นเรือเสียมากกว่า] ในวันต่อๆไปในระหว่าง cruise เราก็จะเรียกว่า onboard คำว่า EMBARKATION จะใช้ในวันแรกที่มีการ check in เท่านั้น
DISEMBARK อ่านว่า ดิสเซมบาร์ค แปลว่า การออกจากเรือ หรือการขึ้นเรือนะแหละ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้ในวันสุดท้าย ก็คือการ check out นั่นเอง
PASSENGER อ่านว่า แพซ-เซ็นเจอร์ แปลว่า ผู้ที่มาใช้บริการหรือลูกค้านะแหละครับ วงการเรือ เครื่องบิน รถโดยสาร รถไฟ อะไรพวกนี้เขาจะเรียกลูกค้าว่า PASSENGER ส่วนวงการโรงแรม ร้านอาหาร และการบริการส่วนใหญ่จะเรียกลูกค้าว่า guest ส่วนธุรกิจการค้าขายทั่วไป เช่นห้างสรรพสินค้า บริษัทขายสินค้าต่างๆ จะเรียกลูกค้าว่า customer แต่ว่าบ้านเราเรียกรวมๆกันได้หมดเลย และสรุปแล้วไม่ว่าจะเรียกว่าอะไรก็ช่าง บุคคลกลุ่มนี้เป็นบุคคลที่งี่เง่าและก็เอาแต่ใจ แบบว่าข้าต้องถูกเสมอ เป็นซะส่วนใหญ่ ผมทำงานด้านบริการมาก็เกือบจะ 20 ปีเข้าไปแล้วครับ เห็นมาเยอะแล้ว
CREW อ่านว่า ครู [ไม่ใช่นักเรียนนะครับ] แปลว่า พนักงานครับ และสำหรับเราก็คือลูกเรือนี่แหละครับ ก็เหมือนกันครับ คำที่แปลว่าพนักงานนั้นก็มีอยู่ตั้งมากมายครับ วงการเรือ เครื่องบิน รถโดยสาร รถไฟ อะไรพวกนี้เขาจะเรียกพนักงานว่า crew ส่วนบริษัทห้างร้านก็จะเรียกว่า employee ครับ และบางบริษัทเช่นงานด้านการบันเทิง หรือบริษัทจัดงาน event ต่างๆ พวกนี้จะเรียกพนักงานว่า staff ซะส่วนใหญ่ แต่สรุปแล้วไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มไหนก็ช่างเถอะครับ ภาษาไทยแปลไว้ชัดเจนมากครับว่าลูกจ้าง
STAFF อ่านว่า ซทัฟ แปลว่า พนักงานเหมือนกันครับ แต่บนเรือนี้จะหมายถึงลูกจ้างกลุ่มหนึ่งที่จะแบ่งแยกกันตามลำดับขั้นและสิทธิประโยชน์ที่แต่ละตำแหน่งจะได้รับ staff ก็จะจัดอยู่ในระดับกลาง หรือตั้งแต่ตำแหน่ง supervisor ขึ้นไป ยกตัวอย่างเช่น casino staff,shop staff,youth staff,production staff ประมาณนี้แหละครับ เดี๋ยวไปอยู่ซักพักนึงก็จะเข้าใจไปเองแหละ
OFFICER อ่านว่า อ็อฟ ฟิเซอะ แปลว่า เจ้าพนักงาน หรือว่าลูกจ้างชั้นดีว่างั้นเถอะ พนักงานระดับนี้ก็จะสูงขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ส่วนใหญ่แล้วจะทำงาน office งานสะบายแต่เงินเยอะนะแหละ ยกตัวอย่างเช่น computer officer,technical officer,security officer,navigator officer อะไรทำนองนี้แหละครับ
เอาละครับก็ได้รู้จักสามระดับขั้นของพนักงานกันไปแล้ว คนเรานี่ที่จริงแล้วพูดถึงเรื่องความเสมอภาคกันมาตลอดและแต่ละคนแต่ละที่ก็มักจะพูดเสมอว่า มีความเสมอภาคกันแต่จริงๆ แล้วไม่มีความเสมอภาคในที่ใดๆในโลกนี้อย่างแน่นอน ทำไมนะเหรอครับ อดทนอ่านต่อไปอีกนิดนึงนะครับผมจะเล่าให้ฟังว่าทำไม โดยเฉพาะบนเรือ มาดูความแตกต่างของสามระดับงานตรงนี้นะครับ
เริ่มต้นเรื่องแรกเลยครับก็คือเรื่องอาหารการกิน ที่รับประทานอาหารบนเรือจะใช้คำว่า MESS ถ้าเป็นโรงแรมก็จะใช้คำว่า canteen เริ่มจากตรงนี้เลยครับ
crew mess จะเป็นที่ที่พนักงานในระดับ crew มารัปทานอาหารกัน แน่นขนัดกันครับในชั่วโมงเร่งด่วน อาหารก็งั้นๆ แหละ แถมไม่ค่อยจะมีอะไรที่พอกินได้แบบถูกปากซะด้วย
staff mess จะเป็นที่ที่เตรียมไว้สำหรับพนักงานระดับ staff /supervisor มารัปทานอาหารกันที่นี่ ห้องนี้จริงๆแล้วผมก็มีสิทธิมาใช้บริการเหมือนกัน แต่ว่าไม่มีเพื่อน เพราะเพื่อนส่วนใหญ่อยู่ที่ crew mess กันหมด ก็เลยไปใช้บริการที่ crew mess ซะส่วนใหญ่ ห้องนี้ก็จะดูดีกว่า crew mess ขึ้นมาอีกหน่อยนึง เพราะว่าคนที่มาใช้บริการน้อย อาหารก็เลยดูดี อยู่ตลอดเวลา ที่โต๊ะก็จะมีเครื่องไม้เครื่องมือเตรียมไว้ให้พร้อม ตอนเย็นยังมีไวน์ไว้คอยบริการอีก แจ่มจริงๆ
officer mess จะเป็นที่ที่พนักงานระดับ officer ทั้งหลายมาใช้บริการกัน บรรยากาศนะเหรอครับอย่าให้พูดเลยครับ ร้านอาหารบางที่ก็ยังไม่หรูดูดีเท่านี้ครับ ห้องนี้จะเป็นการบริการแบบ full service ครับ สามารถสั่งอาหารได้ทุกอย่างที่มีเตรียมไว้ให้ passenger เขาเหล่านี้ก็สามารถสั่งได้เช่นกัน ต่างกันลิบลับเลยครับกับห้องอาหารของ crew mess เห็นไหมละครับว่าความเสมอภาคนะมันไม่มีแล้วละครับบนโลกใบนี้ เดี๋ยครั้งต่อไปจะกลับมาดูเรื่องห้องพัก cabin กันนะครับแล้วจะเห็นความแตกต่างมากขึ้นครับ สวัสดีครับ

Friday, November 6, 2009

คำศัพท์เกี่ยวกับเรือ

มาต่อกันเลยนะครับเอาคำแบบง่ายๆที่เราต้องเจอกันในการใช้ชีวิตจริงกันก่อนดีกว่า
AFT อ่านว่า อ๊าฟ แปลว่า ข้างหลังเรือ เราอาจจะเรียกว่า back of the ship ก็ได้แต่ลองดูก็แล้วกันว่าอย่างไหนจะง่ายกว่า
FORWARD อ่านว่า ฟอร์วึด แปลว่า ด้านหน้าเรือ หรีอเราอาจจะเรียกว่า front of the ship ก็ได้
PORT อ่านว่า พอร์ท คำนี้ดูแล้วก็เหมือนจะซ้ำกับคำว่า port ที่แปลว่าที่จอดเรือ หรือท่าเรือนั่นแหละ แต่ตัวนี้ถ้าใช้บนเรือจะเปลี่ยนความหมายอย่างสิ้นเชิง PORT คำนี้ถ้าใช้บนเรือเรียกว่า ด้านซ้ายมือเมื่อเรายืนหันหน้าไปด้าน forward.
STARBOARDอ่านว่า สตาร์บอร์ด ครับแปลว่าขวามือเมื่อเราหันหน้าไปด้าน forward

Thursday, November 5, 2009

คำศัพท์เกี่ยวกับเรือ

สวัสดีครับผมในหัวข้อนี้ผมจะมาพูดถึงคำศัพท์ต่างๆ ที่ใช้กันอยู่บนเรือ คำศัพท์บางคำมันก็ใช้ภาษาอังกฦษนะแหละครับแต่ว่าบางคำเขาก็มีภาษาจำเพาะของเขาครับ อันนี้สำหรับน้องใหม่นะครับอาจจะยังงงกับคำศัพท์บางคำและก็ไม่รู้จะไปถามใครที่ไหน เพราะว่าคำบางคำลองหาดูใน DICTIONARY ดูแล้วก็ยังไม่มีข้อมูลครับ และถ้าเกิดบังเอิญว่าไปเจอคำศัพท์คำไหนที่ยังไม่รู้ความหมายก็ e-mail มาถามไถ่กันได้นะครับ ยินดีให้คำปรึกษาตลอด เพราะว่าพวกเราก็คือลูกเรือไทยเหมือนกันหมด ไม่ว่าคุณจะทำงานอยู่บริษัทอะไรก็ไม่ต้องเกรงใจนะครับ มาเริ่มกันเลยดีกว่า
GANGWAY อ่านว่า แก็งเวย์ ความหมายก็คือประตูทางขึ้นลงเรือครับ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ชั้น 4 ยกเว้นบางครั้งที่ระดับน้ำลดต่ำ เช่นแถว alaska บางที gangway นี้ก็จะอยู่ที่ชั้น 6 หรือชั้น 7 แล้วแต่ลักษณะของเรือและท่าที่จอดเรือ
PORT อ่านว่า พอร์ต แปลว่า ท่าเรือ ครับสั้นๆ ได้ใจความ หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือว่าสถานีจอดเรือนะและครับ แต่เวลาพูดออกเสียงแนะนำว่าออกเสียงให้ดีนะครับ มันอ่านว่า พอร์ต ไม่ใช่ พ็อต ที่เขียนว่า pot นะครับคงยังจำได้นะครับว่าภาษาอังกฦษนะง่ายนิดเดียว มันเขียนยังงัยก็อ่านยังงั้นแค่นั้นเอง
PIER อ่านว่า พิ-เอียร์ ลองฝึกออกเสียงกันเอาเองก็แล้วกัน pier ก็คือที่จอดเรือที่อยู่ใน port อีกทีนึง งงกันไหม port คือท่าจอดเรือที่มีที่จอดเรือไว้บริการสำหรับเรือหลายๆ ลำ pier คือที่จอดเรือที่อยู่ใน port อีกที ยกตัวอย่าง เช่น ที่ port sanfrancisco เรือของ princess จะจอดอยู่ที่ pier 39 อันนี้คงเข้าใจนะครับ
ASHORE อ่านว่า อะชอร์ แปลว่า บนบก บนฝั่ง ข้างนอกตัวเรือ พื้นดิน อะไรทำนองนี้ครับ เช่นเราจะถามเพื่อนว่าเขาจะออกไปข้างนอกไหม เราก็จะต้องถามเขาว่า Do you want to go ashore? ashore ก็มีความหมายเดียวกันกบัคำว่า out side นะแหละครับ

Tuesday, November 3, 2009

oasis of the sea





ครับผมมาต่อกันด้วภาพของบรรยากาศภายในเรือที่ถ้าไม่บอกว่ามันคือเรือจะมีใครรู้หรือเปล่านี่
Posted by Picasa

freedom of the sea





ครับผมก็กลับมาตามคำสัญญาที่ให้ไว้นะครับเกี่ยวกับเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในโลกลำนี้ชื่อว่า FREEDOM OF THE SEA โดยมีพี่น้องคลานตามกันมาติดๆชื่อว่า OASIS OF THE SEA ครับ เรือสำราญลำใหญ่ที่สุดในโลกลำนี้ในเวลานี้เป็นของบริษัท royal caribbean ครับ ก็ถือได้ว่าเป็นบริษัทระดับแนวหน้าของวงการเรือสำราญเลยก็ว่าได้ การลงทุนครั้งนี้บริษัทต้องทุ่มงบไปประมาณ 1000ล้านเหรียญครับหรือประมาณ 34000ล้านบาทครับนี่เรือลำเดียวนะครับ อย่างลำใหญ่ที่สุดของ princess ก็ราคาอยู่ที่ 650ล้านเหรียญหรือประมาณ22100ล้านบาทครับ
Posted by Picasa

bar wars





bar wars ฟังดูแล้วเหมือนการทำสงครามกัน แต่ว่าไปแล้วมันไม่ใช่ก็เหมือนใช่นะแหละครับ bar wars ที่ว่านี้เป็นรายการเกมส์ยอดนิยมของ england และก็ได้มีคนนำมาดัดแปลงให้มาอยู่บนเรือ โดยวิธีการนั้นจะเริ่มจาก มี bartender 2คน และก็หาอาสาสมัครชาย 6คน และหญิง 6คน เชื่อหรือไม่ครับว่าการหาอาสาสมัครในแต่ละครั้งไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมอะไรก็ตาม จะหาคนที่อาสาเข้ามาช่วยได้น้อยมาก คงยังจำกันได้นะครับสมัยที่เราเป็นเด็ก พอคุณครูบอกว่า ครูขออาสาสมัคร 1คนให้ออกมาอ่านหนังสือหน้าชั้นเรียนใครจะออกมา อย่าบอกผมนะครับว่าคุณเป็นคนยกมือคนแรก เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยมีใครอยากจะเป็นกันซักเท่าไหร่หรอกครับไอ้เจ้าคำว่าอาสาสมัครนี่ แต่ว่าในรายการ bar wars นี่อาสาสมัครทั้งชายและหญิงแทบจะต้องแยกกันมาลงชื่อเพื่อที่จะได้เป็นหนึ่งใน6คนนั้น เพราะอะไรนะหรือครับก็เพราะว่าทุกคนที่เข้าร่วม bar wars นั้นจะได้รับเครื่องดื่มที่ตัวเองทำฟรีนะสิครับ หลังจากได้ผู้เข้าร่วมแข่งขันกันครบทั้งสองฝ่ายแล้ว เท่าที่ทำมาทุกครั้งจะใช้เวลาน้อยมาก ก็จะทำการแบ่งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงโดยมีหัวหน้าทีมคือ bartender ทีมละ1คน bartender มีหน้าที่บอกลูกทีมของตัวเองว่าวันนี้เราจะทำเครื่องดื่มอะไรบ้างในการแข่งขันครั้งนี้และจะต้องสอนและบอกวิธีการทำเครื่องดื่มแต่ละชนิดให้กับลูกทีมของตน 1คนทำเครื่องดื่ม 1อย่าง โดยการตัดสินก็จะวัดจาก การรักษาเวลาที่ให้ไว้ สีสันและรสชาด และการตกแต่งขอบแก้วที่ถูกต้อง แต่จริงๆแล้วไม่ค่อยมีใครจะสนใจเรื่องการแข่งขันกันซักเท่าไหร่หรอกครับเพราะว่าไม่ว่าแพ้หรือชนะก็คือได้ดื่มฟรีคนละแก้ว ส่วนใหญ่ก็จะแกล้งกันไปแกล้งกันมาให้เป็นที่สนุกสนานของท่านผู้ชมซะมากกว่า บางครั้งถึงขั้นสาดน้ำแข็ง สาดน้ำแดง หรือแม้กระทั้งแกล้งผลักให้ตกสระน้ำไปเลยก็มี นี่แหละครับความหมายของคำว่า bar wars
Posted by Picasa